การเลือกตั้งประธานฟีฟ่าเป็นกระบวนการที่สำคัญและมีผลกระทบต่อการบริหารฟุตบอลระดับโลก ประธานฟีฟ่าเป็นตัวแทนและผู้นำขององค์กรที่รับผิดชอบในการดำเนินการและตัดสินใจเกี่ยวกับกฎและนโยบายของฟุตบอลระดับโลก กระบวนการเลือกตั้งประธานฟีฟ่ามีกระบวนการหลายขั้นตอน สมาชิกสมาคมฟุตบอลทุกคนมีสิทธิลงคะแนนเสียง เจ้าของสิทธิ์ในการลงคะแนนจะเป็นสมาชิกที่มีอิทธิพลและยาวนานของสมาคมฟุตบอล การเลือกตั้งประธานาธิบดีจะเกิดขึ้นทุกๆ สี่ปีที่ FIFA Congress ซึ่งมีสมาชิกฟีฟ่าจากทั่วโลกเข้าร่วม ผู้ที่ประสงค์จะสมัครชิงตำแหน่งประธาน FIFA World Cup จะต้องได้รับการเสนอชื่อโดยสมาชิกสมาคมฟีฟ่าอย่างน้อยหนึ่งคน จะต้องได้รับการอนุมัติจากองค์กรปกครองและสมาชิกสหพันธ์ฟีฟ่าอย่างน้อยห้าคน ผู้สมัครที่ได้รับคัดเลือกจะเข้าร่วมการเลือกตั้งผ่านการลงคะแนนเสียงเพื่อเลือกประธาน FIFA World Cup

สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ “ฟีฟ่า” ประสบความสำเร็จในการออกแบบโฉมหน้านายใหม่ Gianni Infantino อดีตเลขาธิการทั่วไป สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ชาวสวิสเชื้อสายอิตาลี ซึ่งแม้ว่าจะไม่ใช่คนเอเชียอย่างที่หลายคนคาดไว้ แต่ Infantino วัย 45 ปี ได้รับเลือกเป็นประธาน FIFA คนที่เก้าเหนือผู้ท้าชิง Sheikh Salman bin Elbrahi เอ็ม อัล คาลิฟา ประธานสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี), บาห์เรน, เจ้าชายอาลี บิน อัล ฮุสเซน, เจ้าชายแห่งจอร์แดน, เจอโรม แชมเพน อดีตผู้บริหาร FIFA ของฝรั่งเศส และโตเกียว ซิเฟเล ตัวแทนจากแอฟริกาใต้ขอสละสิทธิ์

นับเป็นการเปลี่ยนแปลงผู้นำวงการฟุตบอลครั้งแรกในรอบ 18 ปี หลังจากอดีตประธานาธิบดีของสวิสอย่าง เซปป์ แบลตเตอร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งมานานถึง 18 ปี ถูกห้ามเล่นทุกระดับ เป็นเวลา 6 ปีแล้ว ในการประชุมที่เมืองซูริกที่ผ่านมา มี พล.ต.อ.ศรีวราห์ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง. นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยที่เดินทางไปลงคะแนนพร้อมทีมงาน พล.ต.อ.พิสัณห์ จุลดิลก เลขาธิการสมาคมฯ และ นายปฎิส ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ ซึ่ง “บิ๊กอ๊อด” ได้เลือกลงคะแนนให้ผู้ใด ผู้สมัครยังคงถูกเก็บเป็นความลับ

อย่างไรก็ตาม แม้หลายฝ่ายจะมองว่าพล.ต.อ. พล.อ.สมยศ อาจเทใจให้ตัวเต็งจากเอเชีย ด้วยเหตุผลเรื่องความสัมพันธ์ทางเชื้อชาติซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติมากกว่า แต่ถึงกระนั้น Infantino การเป็นผู้ชนะก็ส่งผลดีต่อวงการฟุตบอลไทยไม่ด้อยกว่ากัน อาการบาดเจ็บอาจมากกว่านั้นด้วยซ้ำ วงในกล่าวว่าคืนก่อนการเลือกตั้ง Infantino ได้พบกับพล.ต. พล.ต.อ.สมยศที่ห้องพักและพูดคุยกันอย่างสนุกสนานจนดึกดื่น แม้ว่าเขาจะมีภารกิจที่ต้องเรียงกองเป็นกองอยู่ตรงหน้าก็ตาม เรียกว่า ให้ความสำคัญกับชาติเล็กๆ จากอาเซียน จนได้ใจกลับไปไม่น้อย บทสนทนามีตั้งแต่เรื่องฟุตบอล ถึงทั่วไป

นอกจากนี้ หลังคว้าตำแหน่ง “ประธานฟีฟ่าป้ายแดง” ยังได้สัญญากับประธานฟุตบอลไทยว่าจะช่วยสนับสนุนทุกอย่างที่ต้องการ อยากได้อะไรบอกได้นะครับ เขายังรับปากว่าจะมาเที่ยวกรุงเทพอีกด้วย เพราะเจ้าตัวมองว่าฟุตบอลไทยกำลังพัฒนาจนน่าจับตามอง ปัจจุบันมีเงินช่วยเหลือไทย 2 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 71 ล้านบาท) เพียงส่งแผนมาเสนอว่าจะนำเงินไปใช้ทำอะไร เหนือสิ่งอื่นใด Infantino เป็นคนงาน มีประสบการณ์มากกว่า 16 ปีในยูฟ่า

ตามด้วยผู้ช่วยเลขาธิการและเลขาธิการยูค มิเชล พลาตินี ก่อนจะถึงจุดสูงสุดในปัจจุบัน จึงทำให้ชาติสมาชิกสามารถพูดคุยและทาบทามอย่างใกล้ชิดได้ง่ายกว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่จะมาจากเชื้อพระวงศ์เหมือนผู้สมัครจากเอเชียทั้ง 2 คน ซึ่งจะต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ มากมาย กว่าจะได้พบกัน นอกจากนี้เขายังมีนโยบายเพิ่มจำนวนทีมในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจาก 32 ทีมเป็น 40 ทีม เพื่อให้ชาติเล็กมีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขัน ซึ่งถ้าเอเชียได้โควตาเพิ่มก็จะยิ่งเป็นผลดีกับทัพ “ช้างศึก” อีกด้วย เรียกได้ว่าเหมือนเป็นการรีเซตพร้อมกันทั้งฟีฟ่าและบอลไทย ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ระหว่าง เซปป์ แบลตเตอร์ กับ วรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมฟุตบอลไทย อยู่ในขั้นที่สูสี แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็พัวพันกับเรื่องอื้อฉาวจนถูกแบนพร้อมกัน ก่อนที่ทั้ง 2 องค์กรจะได้ผู้นำคนใหม่ไล่เลี่ยกัน และทั้งคู่ยังชูธงเพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ที่เสียไปของหน่วยงานอีกด้วย เพื่อก้าวไปสู่แนวคิดที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คงจะดีกับประเทศไทยไม่มากก็น้อย

อ้างอิงจาก : mgronline.com

---

อ่านบทความข่าวสารอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ bellaroseevents.com อัพเดตทุกสัปดาห์