ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เร่งจัดทัพผู้บริหาร ศธ. กว่า 20 อัตรา

นายอรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้หารือกับ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการ ศธ. เพื่อดำเนินการสรรหาผู้บริหารระดับต้น แทนตำแหน่งว่าง 5 อัตรา คือ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) 1 ตำแหน่ง และรองเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) 2 ตำแหน่ง ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) 1 ตำแหน่ง และรองศึกษาธิการภาค (ศธภ.) 1 ตำแหน่ง

คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จภายใน 3 สัปดาห์ เมื่อดำเนินการสรรหาผู้บริหารระดับต้น เรียบร้อยแล้ว จะดำเนินการสรรหาผู้เหมาะสมดำรงตำแหน่งระดับอำนวยการสูง สักนักงานปลัด ศธ. อีก 3 อัตรา ประกอบด้วย ผู้อำนวยการสำนักตรวจติดตาม ผู้อำนวยการศูนย์ขับเคลื่อนการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และรองผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การยูเนสโก

จากนั้นจะดำเนินการสรรหาตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง คือ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) และรองเลขาธิการ กพฐ.แทนตำแหน่งว่าง เพื่อให้การทำงานเกิดความต่อเนื่อง

ทั้งนี้ หากรัฐมนตรีว่าการ ศธ. พิจารณาเลือกผู้เหมาะสม ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ กอศ.และรองเลขาธิการ กพฐ.ได้แล้ว ก็ไม่ต้องดำเนินการ เพราะถือเป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการ ศธ. แต่หากรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ไม่พิจารณา สำนักงานปลัด ศธ.ก็ต้องดำเนินการสรรหาผู้เหมาะสมเพื่อให้การดำเนินการเกิดความต่อเนื่อง

น.ส.ตรีนุช เทียนทอง

ปลัด ศธ.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังเตรียมเสนอให้รัฐมนตรีว่าการ ศธ.พิจารณาสรรหา ศธภ.ให้ครบทั้ง 12 ตำแหน่ง ตามที่กำหนดไว้ โดยที่ผ่านมา มีการแต่งตั้ง ศธภ. แล้ว 5 อัตรา ส่วนที่เหลือให้ผู้ตรวจราชการ ศธ.เข้าไปช่วยดูแล ทำให้การดำเนินการไม่คล่องตัวเท่าที่ควร

ดังนั้นจึงเห็นว่าควรแต่งตั้ง ศธภ. ให้ครบทั้ง 12 ตำแหน่งตามที่กำหนดไว้ ในคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 พ.ศ.2560 เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาค เพื่อให้การทำงานเกิดความคล่องตัวและสอดคล้องกับนโยบายของ ศธ.

“สาเหตุที่ต้องเร่งดำเนินการแต่งตั้ง ศธภ.ให้ครบทั้ง 12 ตำแหน่งตามที่กำหนดไว้นั้น เพราะงานนโยบายบางอย่าง ไม่ใช่ภาระหน้าที่ของผู้ตรวจราชการ ศธ. ซึ่งมีหน้าที่ตรวจติดตามงานตามแผนปฏิบัติการของ ศธ. รวมถึงให้คำแนะนำและสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงาน แต่การทำงานเชิงพื้นที่ สำนักงานปลัด ศธ.ไม่มีเครื่องมือในการทำงาน จึงต้องอาศัย ศธภ. และศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ในการขับเคลื่อนงาน ซึ่งที่ผ่านมาขาดการพัฒนาคนก่อนเข้าสู่ตำแหน่ง ทำให้การทำงานที่ผ่านมาอาจยังไม่ชัดเจน เกิดความขัดแย้ง ดังนั้น จึงต้องทำความเข้าใจ อำนาจหน้าที่และกรอบการทำงานระหว่าง ศธภ. ศธจ. และ ผู้ตรวจราชการ ศธ.ให้ชัดเจน เพื่อให้การทำงานเกิดการบูรณาการเชื่อมโยงกับพื้นที่ ซึ่งต่อไปจะต้องมีตัวชี้วัด เพื่อประเมินผลงานทั้งเชิงพื้นที่และนโยบาย เพื่อให้เกิดการผลักดันงบประมาณจากพื้นที่ เพื่อพัฒนาการศึกษา ในกลุ่มจังหวัดให้สอดคล้องกับบริบทเชิงพื้นที่ ไม่ใช่รอแต่งบประมาณส่วนกลางเพียงอย่างเดียว” นายอรรถพลกล่าว

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ bellaroseevents.com

ufa slot

Releated